นายหนัง
เป็นคำเรียกบุคคลผู้ทำหน้าที่แสดงหนังตะลุงคณะหนึ่งๆ
จะมีนายหนัง 2 คน ทำหน้าที่พากย์และเชิดรูปพระ รูปนางคนหนึ่ง
พากย์ เชิดยักษ์ ตัวตลกและเชิดตัวเบ็ดเตล็ดอีกคนหนึ่ง เรียกนายหนังทั้งสองว่า
"หัวหยวก ปลายหยวก" เล่ากันมาว่า หลังจากหนังบัวแห่งเมืองนครศรีธรรมราช
ซึ่งเป็นหนังสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เริ่มแสดงโดยบทบาททั้งพากย์และเชิดคนเดียว
และหนังอื่นๆ เอาอย่างสืบมาแล้ว หนังคณะหนึ่งๆ
ก็คงมีนายหนังเพียงคนเดียวเป็นทั้งคนพากย์ คนเชิด ผู้ประพันธ์เรื่อง
และเป็นหัวหน้าคณะบริหารงานทั้งหมด จากภาระดังกล่าว นายหนังจึงต้องเป็นคนเก่ง
มีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ
เครื่องดนตรี
หนังตะลุงคณะหนึ่งมีเครื่องดนตรีประกอบการเล่นประมาณ 6 อย่าง คือ
1. กลอง 1 ลูก (เป็นกลองขนาดเล็ก มีหนังหุ้มสองข้าง
หน้ากลองเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างประมาณ 8 -10 นิ้ว
หัว-ท้ายเล็กกว่าตรงกลางเล็กน้อย กลองมีความยาวประมาณ10-20 นิ้ว
ใช้ไม้ตี 2 อัน)
2 .ทับ 2 ลูก (1 คู่)
ในสมัยก่อนดนตรีหลักมีทับ 1 คู่สำหรับคุมจังหวะและเดินทำนอง
(ทับ ทำด้วยไม้กลึงและเจาะข้างใน
ลักษณะคล้ายกลองยาวแต่ส่วนท้ายสั้นกว่าและขนาดย่อมกว่า หุ้มด้วยหนังบางๆ เช่น
หนังค่าง) ทับทั้ง 2 ลูกนี้มีขนาดต่างกันเล็กน้อยเพื่อให้ได้เสียงต่างกัน
และสมัยก่อนมีขนาดโตกว่าปัจจุบัน
3.ฉิ่ง 1 คู่
4. โหม่ง 1 คู่ เสียงสูงลูกหนึ่ง ใช้สำหรับประกอบเสียงขับกลอน (โหม่งทั้งคู่
แขวนตรึงขนานกันอยู่ในรางไม้ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ตัวโหม่งทำด้วยทองเหลืองหรือทองแดง ถ้าหล่อกลมแบบฆ้องขนาดฆ้องวงเรียกว่า
"โหม่งหล่อ" ถ้าทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วดุนให้ส่วนที่จะตีสูงกลมขึ้นกลางแผ่นเรียกว่า
โหม่งฟาก)
5. ปี่
1 เลา
6. กรับ หรือ แกระ 1
คู่ (ใช้เคาะรางกับโหม่ง) สำหรับประกอบจังหวะ
บางคณะอาจจะมีซออีก
1 สาย เป็นซอด้วงมากกว่าซออู้
เพราะเสียงเข้ากับเสี่ยงปี่ได้
การบรรเลงดนตรี
นอกจากโหมโรง (ชาวใต้เรียกว่าลงโรง) แล้วก็บรรเลงสลับไปตลอดการแสดง
มักบรรเลงตอนขับกลอน ตอนเจรจาจะหยุดบรรเลง (อาจจะตีเครื่องให้จังหวะประกอบบ้าง)
เพลงที่ใช้บรรเลง คือ
เพลงโหมโรงใช้เพลงทับ ตอนดำเนินเรื่องใช้เพลงทับบ้าง เพลงปี่บ้าง (เพลงทับคือเพลงที่ถือเอาจังหวะทับเป็นเอก
เพลงปี่คือเพลงที่ใช้ปี่เดินทำนองเพลงซึ่งโดยมากใช้เพลงไทยเดิม
แต่ปัจจุบันใช้เพลงไทยสากลและเพลงสากลก็มี
ปัจจุบันหนังตะลุงนิยมนำเครื่องดนตรีสากลเข้ามาประสม เช่น
บางคณะใช้กลองดนตรีสากล ไวโอลิน กีตาร์ ออร์แกน แทนเครื่องดนตรีเดิม
ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายยิ่ง
โรงและอุปกรณ์ประกอบโรง
โรงหนังตะลุง ต้องยกเสา 4 เสา (ใช้ไม้ค้ำเพิ่มจากเสาได้) ขนาดโรงประมาณ 2.3 X 3 เมตร พื้นยกสูงเลยศีรษะผู้ใหญ่เล็กน้อย และให้ลาดต่ำไปข้างหน้านิดหน่อย
หลังคาเป็นแบบเพิงหมาแหงน กั้นด้านข้างและด้านหลังอย่างหยาบๆ
ด้านหลังทำช่องประตูพาดบันไดขึ้นโรง ด้านหน้าใช้ผ้าขาวบางขึงเป็นจอ
จอกว้างและยาวประมาณ 5 x 10 ฟุต
ในโรงมีตะเกียงน้ำมันไขสัตว์หรือตะเกียงน้ำมันมะพร้าว
หรือตะเกียงเจ้าพายุหรือดวงไฟแขวนไว้ใกล้จอสูงจากพื้นราว 1 ฟุตเศษและห่างจากจอราว
1 ศอก นอกจากนี้ยังมีต้นกล้วยวางไว้ข้างฝาทั้งสองข้างของโรง
เพื่อไว้ปักพักรูปหนัง ประเภทรูปเบ็ดเตล็ด
ส่วนบนเพดานโรงจะมีเชือกขึงไว้สำหรับแขวนรูปหนังประเภทรูปที่สำคัญซึ่งมีรูปพระ
รูปนาง เป็นต้น
รูปหนังตะลุง
หนังตะลุงคณะหนึ่งๆ มีรูปหนังประมาณ 150 - 200 ตัว รูปหนังตะลุงที่ทุกคณะจะต้องมีได้แก่ ฤาษี พระอิศวร ปรายหน้าบท
เจ้าเมือง พระ นาง ตัวตลก เทวดา รูปเหล่านี้จะมีหน้าตาทำนองเดียวกันทุกคณะ
โดยเฉพาะตัวตลกแทบไม่มีอะไรผิดเพี้ยนกันเลย นอกจากรูปดังกล่าวแล้ว
แต่ละคณะจะตัดรูปเบ็ดเตล็ดส่วนหนึ่ง เช่น สัตว์ต่างๆ ต้นไม้ ภูเขา ภูตผี ยานพาหนะ
อาวุธ เป็นต้น